หน้าแรก
▼
วันอังคารที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2555
วันอาทิตย์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2555
รอยสักดารา แองเจลิน่า โจลี่ ที่มีดีแบบไทยๆ
รอยสักดารา แองเจลิน่า โจลี่ ที่มีดีแบบไทยๆ
พูดถึงเรื่อง รอยสัก คาดว่าใครต่อใครก็เห็นกันจนชินตา ไม่ว่าจะเป็นรอยสักที่วัยรุ่นแรกแย้ม หรือแรกแย้มฝาโลงสักกันตามความนิยม ไม่ว่าจะเป็นสักเพื่อความสนุก เพื่อคนรัก เพื่อเป็นอนุสรณ์ให้กับหมาที่ตายไป เพื่อโชคลาง หรือเพื่อให้เหมือนดาราก็ตาม รอยสักเป็นอะไรที่คุ้นตาและอยู่คู่คนไทยมามากมายเมื่อสมัยนี้โลกาภิวัฒน์กันแล้ว ไอ้เรื่องสักเลกบอกสังกัดที่ข้อมือ โอ…ลืมไปได้เลย เพราะเดี๋ยวนี้ นอกจากจะสักกันด้วยลวดลายสีสัน ที่เพริดแพร้วแสบลูกกะตากันสุดๆ ยังมีเครื่องมือที่ทันสมัย ปลอดภัย สีสันคงทนสวยงาม รอยสักก็มีหลายลาย แล้วแต่ใครจะสักเป็นรูป เป็นชื่อ เป็นสัญลักษณ์อะไรก็ตามแต่
รอยสักของดารา
รอยสักของดารา หรือรอยสักของเหล่าเซเลบนั้น ใครก็บอกว่าเห็นจนชินตาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสาว แองจี้ แองเจลิน่า โจลี่ ( Angelina Jolie) ที่เธอมีรอยสักทั่ว เต็มไปหมด แต่เป็นรอยสักชนิดที่ ใครไม่ดูดีๆ ก็อาจจะไม่เห็นก็ได้ อะฮ้า…แล้วรอยสักของเธอนั้น ไม่ใช้ว่าสักไปมั่วๆซะที่ไหนกันเล่า มีทั้ง รอยสักยันต์ห้าแถว รอยสักสุดดังที่ อาจารย์หนู กันภัย สักให้กับเธอเองเลยนะ เรื่องนี้ใครก็รู้ แล้วรอยสักรูปเสือเผ่น ที่แผ่นหลังด้านล่างล่ะ สวย แล้วก็เหมาะกับเซเลบอย่างเธอจริงๆรอยสักรูปเสือเผ่น
รอยสักรูปเสือเผ่นที่ว่าเนี่ย มีเรื่องให้เล่าอ้างอันใด ไปมากมายว่า ที่เธอสักแบบนี้ไป ต่อมาก็แย่งแบรต์ พิตต์มาจากเจนนิเฟอร์อนิสตัน หรือหลายคนก็เล่าลือกันว่าเธอเล่นคุณไสย ขอบอกว่าไม่เลย รอยสักที่เธอได้มาด้วยความยากเย็นเนี่ย เธอให้ความเชื่อและความเคารพใน อาจารย์หนู กันภัย และด้วยความที่เธอ เป็นคนรักวัฒนธรรมทั่วโลก จึงไม่แปลกที่เธอจะรักรอยสักที่มีลายแบบไทยๆนอกจากที่เห็นกันชัดๆอย่างที่หลัง ก็มีที่ท้องแขนทั้งสองข้าง ข้างขวาเป็นอักษรสันสกฤต ข้างซ้ายเป็น ประโยคว่า “A prayer for the wild at heart, kept in cages”
คำว่า “Quod me nutrit me destruit” ที่แถวๆท้องน้อยของเธอ
ที่เห็นชัดอีกอัน เวลาเธอใส่ชุดอีฟนิ่งเดรสเดินบนพรมแดง ก็จะมีคำว่า “Know your rights” บนต้นคอให้มองตาม
แต่ก็มีรอยสักหลายรอยที่ถูกลบหรือสักทับไปแล้ว เช่น รอยสัก ชื่อสามีคนแรกของเธอ Billy Bob ที่ตอนนี้ เป็นสักพิกัดเอาไว้แทน หรือรอกสักทีเป็นอักษรภาษาจีน ก็เปลี่ยนเป็นคำอวยพรให้กับ แมดดอกซ์ แม้แต่รอยสักรูปมังกรที่เคยสักไว้ตรงกระเบนเหน็บ ตอนนี้ก็จะเห็นเป็นรูปเสือแบบไทยๆตามที่เห็นกันในรูป
สำหรับรอยสักที่เราเห็นในเรื่อง Wanted ก็ไม่ใช่รอยสัก ที่สักลึกบนผิวของเธอจริงๆ เป็นเพียงแทตทูที่ลบออกได้ภายหลัง คาดว่า รอยสักที่ผ่านมาแล้วร่วมหนึ่งโหล อาจจะมีมากกว่าเดิม แฟนคลับก็ต้องรอดูกันต่อไป
อนึ่ง หากยังไม่เคยรู้เรื่องความบ่าของมนุษย์ ไปดูต่อ รอยสักสวยๆของ lady gaga
อ้างอิง
http://images.rottentomatoes.com/images/spotlights/2008/angelina_tattoo.jpg
http://www.vanishingtattoo.com/tattoo/celeb-jolie.htm
วันพฤหัสบดีที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555
Valentine TATTOO (เทศการวันเเห่งความรัก)
Valentine TATTOO
มาอ่านบทความก่อนจะดูรูปกันนะ
วันวาเลนไทน์นั้นมีมาตั้งแต่สมัยจักรวรรดิโรมัน ในกรุงโรมสมัยก่อนนั้น วันที่ 14 กุมภาพันธ์ จะเป็นวันเฉลิมฉลองของจูโนซึ่ง
เป็นราชินีแห่งเหล่าเทพและเทพธิดาของโรมัน
ชาวโรมันรู้จักเธอในนามของเทพธิดาแห่ง อิสตรีและการแต่งงาน
และในวันถัดมาคือวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ก็จะเป็นวันเริ่มต้นงานเลี้ยงของ
Lupercalia
การดำเนินชีวิตของเด็กหนุ่มและเด็กสาวในสมัยนั้นจะถูกแยกจากกันอย่างเด็ดขาด
แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีประเพณี อย่างนึง ซึ่งเด็กหนุ่มสาวยังสืบทอดต่อกันมา
คือ คืนก่อนวันเฉลิมฉลอง Lupercalia
นั้นชื่อของเด็กสาวทุกคนจะถูกเขียนลงในเศษกระดาษเล็ก ๆ
และจะใส่เอาไว้ในเหยือก เด็กหนุ่มแต่ละคนจะดึงชื่อของเด็กสาวออกจากเหยือก
แล้วหลังจากนั้นก็จะจับคู่กันในงานเฉลิมฉลอง บางครั้งการจับคู่นี้
ท้ายที่สุดก็จะจบลงด้วยการที่เด็กหนุ่มและเด็กสาวทั้งสองนั้นได้ตกหลุมรัก
กันและแต่งงานกันในที่สุด
ในรัชสมัยของ จักรพรรดิคลอดิอัสที่ 2
(Emperor Claudius II) แห่งกรุงโรม
พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่มีใจคอดุร้ายและทรงนิยมการทำสงครามนองเลือด
ได้ทรงตระหนักว่าเหตุที่ ชายหนุ่มส่วนมากไม่ประสงค์จะเข้าร่วม
ในกองทัพเนื่องจากไม่อยากจากคู่รัก และครอบครัวไป จึงทรงมีพระราชโอง
การสั่งห้ามมิให้มีการจัดพิธีหมั้นและแต่งงานกันในโรมโดยเด็ดขาด ทำให้
ประชาชนทุกข์ใจเป็นอย่างยิ่ง และขณะนั้น มีนักบุญรูปหนึ่งนามว่า
เซนต์วาเลนไทน์ หรือวาเลนตินัส ซึ่งอาศัยอยู่ในโรมได้
ร่วมมือกับเซนต์มาริอัสจัดพิธีแต่งงานให้กับ ชาวคริสต์หลายคู่
และด้วยความปรารถนา ดีนี้เองจึงทำให้วาเลนไทน์ถูกจับและระ
หว่างนี้ก็ยังคงส่งคำอวยพรวาเลนไทน์ ของเขาเองขณะที่เขาเป็นนักโทษ
เป็นความเชื่อว่าวาเลนไทน์ได้ตกหลุมรักหญิง
สาวที่เป็นลูกสาวของผู้คุมที่ชื่อจูเลีย
ซึ่งได้มาเยี่ยมเขาระหว่างที่ถูกคุมขัง
ในคืนก่อนที่วาเลนไทน์จะสิ้นชีวิตโดยการถูกตัดศีรษะ เขาได้ส่งจดหมายฉบับ
สุดท้ายถึงจูเลีย โดยลงท้ายว่า “From Your Valentine”
วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 270 หลังจากนั้นศพของเขาได้ถูกเก็บไว้ที่โบสถ์พราซีเดส
(Praxedes) ณ กรุงโรม จูเลียได้ปลูกต้นอามันต์ หรืออัลมอลต์สีชมพู
ไว้ใกล้หลุมศพของวาเลนตินัส แด่ผู้เป็นที่รักของเธอ โดยในทุกวันนี้
ต้นอามันต์สีชมพูได้เป็นตัวแทนแห่งรักนิรันดรและมิตรภาพ อันสวยงาม
และคำนี้ก็เป็นคำที่ใช้มาจนถึงปัจจุบัน
ถึงแม้ว่าเบื้องหลังความเป็นจริงของวาเลนไทน์จะเป็นตำนานที่มืดมัว
แต่เรื่องราวยังคงแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกสงสาร
ความกล้าหาญและที่สำคัญที่สุดเป็นเครื่องหมายของความโรแมนติค
จึงไม่น่าประหลาดใจ เลยว่าในช่วงยุคกลางวาเลนไทน์เป็นนักบุญ
ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในอังกฤษและฝรั่งเศส
ต่อมาพระในนิกายโรมันคาทอลิกจึงเลือกให้ วันที่ 14 กุมภาพันธ์
เป็นวันเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความรักและดูเหมือนว่ายัง
คงเป็นธรรมเนียมที่ชายหนุ่มจะเลือกหญิงสาวที่ตนเองพึงใจในวันวาเลนไทน์
สืบต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้
วันเสาร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2555
นาซี(nazi and Adolf Hitler tattoo)
Nazi and Adolf Hitler tattoo
อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ (20 เมษายน ค.ศ. 1889 – 30 เมษายน ค.ศ. 1945) เป็นนักการเมืองเยอรมนีสัญชาติออสเตรียโดยกำเนิด หัวหน้าพรรคแรงงานสังคมนิยมแห่งชาติเยอรมัน หรือที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อ พรรคนาซี ฮิตเลอร์ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเยอรมนี ระหว่างปี ค.ศ. 1933 จนถึง 1945 และ "ฟือแรร์" ประมุขแห่งรัฐของนาซีเยอรมนีระหว่างปี ค.ศ. 1934 ถึง 1945 ฮิตเลอร์ถูกจดจำว่ามีบทบาทสำคัญในการรุ่งเรืองของฟาสซิสต์ในทวีปยุโรป สงครามโลกครั้งที่สอง และการล้างชาติโดยนาซี
ฮิตเลอร์เป็นทหารผ่านศึกสงครามโลกครั้งที่หนึ่งซึ่งได้รับรางวัลหลายรางวัล หลังจากนั้น ฮิตเลอร์ได้เข้าร่วมพรรคกรรมกรเยอรมัน ซึ่งเป็นพรรคการเมืองก่อนหน้าพรรคนาซี ในปี ค.ศ. 1919 ก่อนที่จะได้เป็นหัวหน้าพรรคนาซีใน ค.ศ. 1921 เขาได้พยายามก่อรัฐประหาร ซึ่งเป็นที่รู้จักกันว่า กบฏโรงเบียร์ ในเมืองมิวนิก เมื่อวันที่ 8-9 พฤศจิกายน ค.ศ. 1923 แต่ประสบความล้มเหลว ฮิตเลอร์ถูกจำคุกเป็นเวลาหนึ่งปี ซึ่งในระหว่างนั้นเองที่เขาเขียนบันทึกความทรงจำ ไมน์คัมพฟ์ (การต่อสู้ของข้าพเจ้า) หลังจากได้รับการปล่อยตัวเมื่อ 20 ธันวาคม ค.ศ. 1924 เขาได้รับเสียงสนับสนุนจากการเสนอนโยบายรวมชาวเยอรมัน ต่อต้านชาวยิว ต่อต้านทุนนิยม และต่อต้านคอมมิวนิสต์ โดยการกล่าวสุนทรพจน์อันมีเสน่ห์และการโฆษณาชวนเชื่อ เขาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 มกราคม ค.ศ. 1933 และเปลี่ยนแปลงการปกครองจากสาธารณรัฐไวมาร์เป็นจักรวรรดิไรช์ที่สาม รัฐเผด็จการพรรคการเมืองเดียว ภายใต้แนวคิดนาซีอันมีลักษณะเป็นเผด็จการเบ็ดเสร็จและอัตตาธิปไตย
ฮิตเลอร์ปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะจัดระเบียบโลกใหม่ โดยให้นาซีเยอรมนีมีอำนาจครอบงำเหนือยุโรปภาคพื้นทวีป เพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว เขาจึงดำเนินนโยบายต่างประเทศซึ่งประกาศเป้าหมายในการครองครองเลอเบนสเราม์ ("พื้นที่อยู่อาศัย") สำหรับชาวอารยัน เขาเป็นผู้นำการสร้างเสริมกำลังอาวุธขึ้นใหม่และการรุกรานโปแลนด์ ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1939 อันนำไปสู่การปะทุของสงครามโลกครั้งที่สองในทวีปยุโรป[1]
ภายในระยะเวลาสามปีใต้การนำของฮิตเลอร์ กองทัพเยอรมันและพันธมิตรในยุโรปได้ครองครองดินแดนส่วนใหญ่ของยุโรปและแอฟริกาเหนือ อย่างไรก็ดี สถานการณ์ค่อยพลิกผันหลัง ค.ศ. 1941 กระทั่งกองทัพสัมพันธมิตรเอาชนะกองทัพเยอรมันใน ค.ศ. 1945 นโยบายที่กระตุ้นด้วยการถือชาติพันธุ์ของฮิตเลอร์ลงเอยด้วยการเสียชีวิตของผู้คนนับ 17 ล้านคน[2] รวมชาวยิวหกล้านคนโดยประเมิน และชาวโรมานีอีกระหว่างห้าแสนถึงหนึ่งล้านห้าแสนคนที่เป็นเป้าหมายในการล้างชาติโดยนาซี[3]
ฮิตเลอร์เป็นทหารผ่านศึกสงครามโลกครั้งที่หนึ่งซึ่งได้รับรางวัลหลายรางวัล หลังจากนั้น ฮิตเลอร์ได้เข้าร่วมพรรคกรรมกรเยอรมัน ซึ่งเป็นพรรคการเมืองก่อนหน้าพรรคนาซี ในปี ค.ศ. 1919 ก่อนที่จะได้เป็นหัวหน้าพรรคนาซีใน ค.ศ. 1921 เขาได้พยายามก่อรัฐประหาร ซึ่งเป็นที่รู้จักกันว่า กบฏโรงเบียร์ ในเมืองมิวนิก เมื่อวันที่ 8-9 พฤศจิกายน ค.ศ. 1923 แต่ประสบความล้มเหลว ฮิตเลอร์ถูกจำคุกเป็นเวลาหนึ่งปี ซึ่งในระหว่างนั้นเองที่เขาเขียนบันทึกความทรงจำ ไมน์คัมพฟ์ (การต่อสู้ของข้าพเจ้า) หลังจากได้รับการปล่อยตัวเมื่อ 20 ธันวาคม ค.ศ. 1924 เขาได้รับเสียงสนับสนุนจากการเสนอนโยบายรวมชาวเยอรมัน ต่อต้านชาวยิว ต่อต้านทุนนิยม และต่อต้านคอมมิวนิสต์ โดยการกล่าวสุนทรพจน์อันมีเสน่ห์และการโฆษณาชวนเชื่อ เขาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 มกราคม ค.ศ. 1933 และเปลี่ยนแปลงการปกครองจากสาธารณรัฐไวมาร์เป็นจักรวรรดิไรช์ที่สาม รัฐเผด็จการพรรคการเมืองเดียว ภายใต้แนวคิดนาซีอันมีลักษณะเป็นเผด็จการเบ็ดเสร็จและอัตตาธิปไตย
ฮิตเลอร์ปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะจัดระเบียบโลกใหม่ โดยให้นาซีเยอรมนีมีอำนาจครอบงำเหนือยุโรปภาคพื้นทวีป เพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว เขาจึงดำเนินนโยบายต่างประเทศซึ่งประกาศเป้าหมายในการครองครองเลอเบนสเราม์ ("พื้นที่อยู่อาศัย") สำหรับชาวอารยัน เขาเป็นผู้นำการสร้างเสริมกำลังอาวุธขึ้นใหม่และการรุกรานโปแลนด์ ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1939 อันนำไปสู่การปะทุของสงครามโลกครั้งที่สองในทวีปยุโรป[1]
ภายในระยะเวลาสามปีใต้การนำของฮิตเลอร์ กองทัพเยอรมันและพันธมิตรในยุโรปได้ครองครองดินแดนส่วนใหญ่ของยุโรปและแอฟริกาเหนือ อย่างไรก็ดี สถานการณ์ค่อยพลิกผันหลัง ค.ศ. 1941 กระทั่งกองทัพสัมพันธมิตรเอาชนะกองทัพเยอรมันใน ค.ศ. 1945 นโยบายที่กระตุ้นด้วยการถือชาติพันธุ์ของฮิตเลอร์ลงเอยด้วยการเสียชีวิตของผู้คนนับ 17 ล้านคน[2] รวมชาวยิวหกล้านคนโดยประเมิน และชาวโรมานีอีกระหว่างห้าแสนถึงหนึ่งล้านห้าแสนคนที่เป็นเป้าหมายในการล้างชาติโดยนาซี[3]
ในช่วงวันสุดท้ายของสงคราม ระหว่างยุทธการเบอร์ลินใน ค.ศ. 1945 ฮิตเลอร์แต่งงานกับเอวา บราวน์ และเพื่อหลีกเลี่ยงมิให้ถูกจับกุมโดยกองทัพโซเวียต ทั้งสองทำอัตวินิบาตกรรมเมื่อวันที่ 30 เมษายน ค.ศ. 1945 โดยร่างของทั้งสองถูกเผา
หากใสใจเรื่องราวเพื่อมสามารถอ่านได้ที่ ที่นี้
ทั้งนี้ยังมีผู้ที่สนใจศึกษา และ ชื่อชอบในแนวคิดของเข้าอยู่จึงได้นำรูปใบหน้าของ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ หรือ สัญลักษณ์ Nazi